อุปนิสัยของแต่ละช่วงวัย และปัจจัยทางการตลาด
Generation B (Baby Boomer Generation)
คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2489 – 2507 อายุ 47 – 65 ปี จะเป็นคนที่มีชีวิตเพื่อการทำงาน เคารพกฎเกณฑ์ กติกา อดทน ให้ความสำคัญกับผลงานแม้ว่าจะต้องใช้เวลานานกว่าจะประสบความสำเร็จ อีกทั้งยังมีแนวคิดที่จะทำงานหนักเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว มีความทุ่มเทกับการทำงานและองค์กรมาก คนกลุ่มนี้จะไม่เปลี่ยนงานบ่อยเนื่องจาก มีความจงรักภักดีกับองค์กรอย่างมาก ปัจจุบันนักการตลาดในหลายๆ ประเทศเน้นทำการตลาดกับกลุ่มนี้เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีขนาดใหญ่ มีกำลังซื้อ มีศักยภาพในการบริโภคสินค้า มีทัศนคติที่ดีต่อการซื้อจับจ่ายใช้สอยสินค้าเพื่อตัวเองและบุคคลใกล้ชิด
คนกลุ่มนี้เกิดในช่วงหลังสงคราม ถ้าพ่อแม่ของคนกลุ่มนี้ พอจะมีฐานะ คนกลุ่มนี้จะได้รับการศึกษาที่ค่อนข้างดี มีรสนิยมพอสมควร และเนื่องด้วยช่วงอายุ 44-62ปี เป็นช่วงที่ใส่ใจสุขภาพ สินค้าเกี่ยวกับสุขภาพจึงเป็นที่นิยมของคนรุ่นนี้ (หรืออย่างน้อยก็ลูกหลานของคนรุ่นนี้ซื้อให้) คนกลุ่มนี้ยังว่างและมีเงิน(บำเน็จ/บำนาญ) จึงต้องการกิจกรรมสังสรรค์กับคนวัยเดียวกัน สโมสรหรือคลับจึงเป็นทางเลือกให้มีการพบปะสังสรรค์ ดีกว่านั่งเหงาอยู่กับบ้าน
Generation X (Extraordinary Generation)
คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2508 – 2522 อายุ 32– 46 ปี มีลักษณะพฤติกรรมชอบอะไรง่าย ๆ ไม่ต้องเป็นทางการ ให้ความสำคัญกับเรื่องความสมดุลระหว่างงานกับครอบครัว (Work – life balance) มีแนวคิดและการทำงานในลักษณะรู้ทุกอย่างทำทุกอย่างได้เพียงลำพังไม่พึ่งพา ใคร มีความคิดเปิดกว้าง พร้อมรับฟังข้อติติงเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาตนเอง ในด้านพฤติกรรมการบริโภคจะเป็นกลุ่มคนหนุ่มสาวที่กล้าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ทำงานในลักษณะใช้ความคิด สมาชิกหลักในครอบครัวทำงานทั้งสองคนใช้ชีวิตแบบทันสมัย
เพราะเป็นผลผลิตจากคนกลุ่ม B ที่เริ่มมีฐานะ แต่ด้วยความที่เกิดมาในช่วงที่เศรษฐกิจโดยรวม อยู่ในช่วงขาขึ้น คนรุ่น B จึงเอาใจใส่ประคบประหงม ใช้จ่ายแบบเต็มที่ นิสัยการชอปปิ้งจึงชอปแบบฟุ่มเฟือย เราจึงเห็นคนรุ่น x ในปัจจุบันเป็นหนี้ สาระพัดบัตรมากมาย ทั้งๆที่คนรุ่นนี้ก็ช่างเลือก เปรียบเทียบนู่นนี่นั่นสาระพัด ทั้งราคาคุณภาพ (แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ซื้อนะ ซื้อเยอะด้วย) คนรุ่น x ขณะนี้เริ่มแต่งงานมีครอบครัว มีลูกต้องเลี้ยงมีพ่อแม่ต้องดูแล ภาระค่อนข้างเยอะ ปัจจุบันก็ค่อนข้างเครียด ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ไม่มีเวลาดูแลสุขภาพ สินค้าที่คนกลุ่มนี้ต้องการคืออาหารเสริมสุขภาพ ประกันสุขภาพ วงเงินสดพร้อมใช้ เงินด่วนเงินกู้ บลาๆๆ
Generation Y (Why Generation)
คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2523 – 2533 อายุ 21 – 31 ปี เป็นกลุ่มคนที่โตมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี เป็นวัยที่เพิ่งเริ่มเข้าสู่วัยทำงาน มีลักษณะนิสัยชอบแสดงออก มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ชอบอยู่ในกรอบและไม่ชอบเงื่อนไข คนกลุ่มนี้ต้องการความชัดเจนในการทำงานว่าสิ่งที่ทำมีผลต่อตนเองและต่อหน่วย งานอย่างไร อีกทั้งยังมีความสามารถในการทำงานที่เกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร และยังสามารถทำงานหลาย ๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกัน Gen-Y เป็นผู้บริโภคที่ใจร้อน ต้องการเห็นผลสำเร็จทุกอย่างอย่างรวดเร็วเนื่องจากเชื่อในศักยภาพของตนเอง กลุ่มคน Gen-Y เชื่อว่าการประสบความสำเร็จในชีวิตจะเกิดขึ้นต้องทำงานหนัก ทำให้มีการแต่งงานช้าลง ไม่ถึง 30 ไม่แต่ง ถ้ามีแฟนแล้วแฟนมีอุปสรรคกับงาน ก็จะเลิกกับแฟนเลือกงาน คนกลุ่มนี้มักเปลี่ยนงานบ่อย มีเครดิตการ์ดมากกว่า 1ใบ และมักใช้บริการ Personal Credit มากขึ้น
เกิดมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยี และอินเทอร์เน็ท แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ใช้คอมเป็น… แต่เกือบทุกคนก็ชอบสินค้าเทคโนโลยี Gadget ต่างๆ ฟุ่มเฟือยกว่า รุ่น x เพราะรุ่น x จะไม่ชอบของพวกนี้จะพยายามหลีกเลี่ยง รุ่น Y มีนิสัยใจร้อน แต่ก็ยังอยู่ในกฎเกณฑ์บ้างบางครั้ง ยังคงเหลือส่วนของเหตุและผลอยู่ (บ้าง) แต่เริ่มใช้อารมณ์เป็นใหญ่ สินค้าที่ดึงดูด ดูดี จะเป็นที่นิยมอย่างมาก อะไรก็ตามที่มาใหม่อินเทรนด์ คนรุ่นนี้กระโดดเข้าใส่ ไม่ยอมตกยุค อัพเดทตัวเองตลอดเวลา เป็นที่มาของความฟุ่มเฟือย และเริ่มเป็นหนี้มากพอๆกับคนรุ่น X คนกลุ่มนี้ยังอยู่ในช่วงหนุ่มสาว จึงยังไม่ห่วงสุขภาพมากนัก แต่ต้องการความมั่นคงเพราะกำลังอยู่ในวัยที่ต้องการสร้างเนื้อสร้างตัว คนรุ่น Y จึงชอบที่จะเข้าอบรม นู่นนี่นั่น เพื่อพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ทั้งคอร์สภาษาต่างๆ คอร์สบุคลิกภาพ แม้แต่คอร์สทำอาหาร คอร์สฮวงจุ้ย ก็ยังขายได้กับคนกลุ่มนี้ ด้วยเหตุผลว่า เรียนเผื่อไว้เอาไปทำเป็นอาชีพเสริม (ซึ่งในความเป็นจริงค่อนข้างน้อยที่จะเอาความรู้แค่ไม่กี่ชั่วโมงไปประกอบ อาชีพได้)
Generation M (Millennium Generation)
อายุปัจจุบันจะอยู่ในช่วง 18-24 ปี หรือในบางตำรารวมเด็กอายุต่ำกว่า 18 ด้วย เรียกติดปากว่า เด็กแนว เป็นสมาชิกในครอบครัวที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษและได้รับการสั่งสอนเพื่อไม่ ให้ตกอยู่ในอำนาจของสิ่งยั่วยุ มอมเมาซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในอดีต เช่น ยาเสพติด สุรา ทีวีมอมเมาเยาวชน พฤติกรรมก้าวร้าว เอดส์ รวมไปถึงการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันสมควร Gen M เป็นผู้บริโภคแห่งความหวัง (Generation of Hope) ที่ผู้ใหญ่หวังว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่อแก้ไขความผิดพลาดที่ตนทำในอดีต บุคคลกลุ่มอายุนี้จะให้ความสำคัญกับคอมพิวเตอร์ ภาษาอังกฤษ ไม่ชอบเป็นลูกจ้าง อยากเป็นเจ้าของกิจการขนาดเล็ก มีแนวทางและอิสระเป็นของตัวเองชัดเจน ชอบดู Channel V, MTV (TaNteE.NET, 2548 : ออนไลน์) การทำตลาดของสินค้าโดยเฉพาะสินค้าด้านสุขภาพที่จะสามารถเจาะกลุ่มตลาดนี้ได้ ในขณะที่ต้องเป็นสินค้าที่มีคุณภาพแล้ว ยังต้องมีความเป็นตัวเองสูง และมีความโดดเด่น อีกทั้งการเข้าถึงกลุ่ม Gen M หากทำในตลาดปรกติเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถสื่อสารกับ Gen M ได้เพียงพอ เพราะผู้บริโภคกลุ่มนี้เปิดรับข้อมูลข่าวสารโดยใช้สื่อดิจิตอลเป็นหลัก การเข้าถึงและการทำตลาดกับ Millennium Generation จึงควรมุ่งเน้นที่สื่อดิจิตอลเป็นสำคัญ
กลุ่มนี้ถ้าในกลุ่มคนฐานะปานกลาง และได้รับการอบรมที่ดี ก็หวังได้ว่า จะเป็นอย่างข้อความข้างบน คือเป็นความหวังของพ่อแม่ได้ เพราะทุกอย่างเกือบสมบูรณ์พร้อมหมดแล้ว โรงเรียนดีๆ อาหารดีๆ สุขภาพดี อยากได้อะไรได้หมด ไม่เคยผิดหวัง ซึ่งถ้าเป็นกลุ่มคนมีฐานะ เด็กรุ่นนี้จะ สปอยล์ ไม่สู้งาน ไม่มีความอดทน เพราะไม่เคยมีใครขัดใจ ถ้าเป็นกลุ่มคนขัดสน พ่อแม่ไม่มีเวลาดูแล กลุ่มนี้คือ เด็กแว้น สามารถสร้างความชิหายได้เป็นบริเวณกว้าง (เผาเซ็นเตอร์วัน เป็นต้น)
เด็ก รุ่นนี้เกิดมาพร้อมกับ แฮรี่พอทเตอร์ และนิยายเพ้อฝันอีกหลายเรื่อง จินตนาการของเด็กรุ่นนี้จึงค่อนข้างสูงมาก เป็นนักฝันมากกว่านักปฏิบัติ อยากทำนู่นี่นั่นเต็มไปหมด แต่ไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้ซักที เพราะความอดทนต่ำ พ่อแม่คอยประคบประหงมเกิน ทำให้หาให้ทุกอย่าง สปอยมากไป เลยทำอะไรไม่เป็น
สินค้า คนกลุ่มนี้เน้นไปที่ ความสวยความงาม การปรับแต่งรูปกายภายนอก หน้าต้องใส ฟันต้องขาว ผิวต้องอมชมพู ผุ้ชายทรงผมต้องเท่ห์ เสื้อผ้าต้องดูดี ทันสมัย รองเท้ามีเป็นสิบๆเป็นร้อยคู่(บ้านพิมพ์แบงก์เองได้) สถานเสริมความงามจึงเจาะกลุ่มเด็กแว้นพวกนี้ หาเงินไม่ได้แต่ใช้เงินเก่งมาก ใช้อารมณ์ในการซื้อของมากกว่าที่รุ่นที่ผ่านมา ตามติดเทคโนโลยี แม้จะใช้มันไม่เป็นก็ตาม ถ้าเพื่อนมีต้องมีด้วย ไม่ยอมน้อยหน้ากัน
อะไรก็ตามที่กระตุ้นอารมณ์คนกลุ่มนี้ได้ ขายได้ทั้งสิ้น เป็นเหยื่ออันโอชะของนักการตลาด หากทำให้เกิดกระแสปากต่อปากได้ คนกลุ่มนี้ก็พร้อมที่จะบริโภคตามๆกันทั้งฝูง เพราะกลัวที่จะโดดเดี่ยว และต้องการการยอมรับจากกลุ่มเพื่อนมากเป็นพิเศษ